Fic Bleach | ENCHATED ― (Abarai Renji x Kuchigi Byakuya / RenBya)
― ENCHANTED ―
“誰が自分の内なる物語を持っていようとも、あなたも。”
“ไม่ว่าใครก็ต่างมีเบื้องหลังเป็นของตัวเอง― เจ้าเองก็เหมือนกัน”
“ทำให้ข้าร้องเรียกเจ้ามากกว่านี้สิ― เร็นจิ”
ช่วงนี้มาย้อนดู Bleach ค่ะ เลยเกิดเป็นฟิคนี้ขึ้นมานั่นเองงง เราเบนป๋าเบีย อยากเห็นป๋าเบียโดนยำค่ะ ! 5555
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณค่า สามารถไปตามฟิคอื่นๆได้ใน @SKYSKIIXX ที่ #SKYSFIC เลยนะคะ จุ้บบบ
“ไม่ว่าใครก็ต่างมีเบื้องหลังเป็นของตัวเอง― เจ้าเองก็เหมือนกัน”
ไม่ว่าใครก็ต่างมีสองด้าน
ทั้งด้านที่มีใครหลายคนเคยพบ และด้านที่ใครหลายคนไม่เคยพบ
แต่ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝ่ายเลือกที่จะแสดงด้านไหนออกไป
ด้านที่ไม่มีใครเคยได้แม้แต่จะปรายตามองแม้เสี้ยววินาที
ด้านที่มีแค่เขาคนเดียวที่ได้เห็นจากนายเหนือหัวของตัวเอง
มีแค่เขา― ที่ได้เห็นจากคุจิกิ เบียคุยะ
____________________
เสียงครึกครื้นที่นานครั้งจะได้เห็นในที่ทำการของหน่วยที่หกดังขึ้นไม่ขาดหลังจากที่งานมรสุมเอกสารมากมายได้ผ่านพ้นไป เสียงโห่ร้อนยินดีเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจที่ตนจะได้พักเสียที
แต่มันไม่ใช่กับเขา อาบาไร เร็นจิ
รองหัวหน้าหน่วยที่หกที่งานเยอะยิ่งกว่าอะไร
เขาถอนหายใจ แม้งานของเหล่าลูกน้องในหน่วยจะเสร็จกันไปจนเกือบหมด แต่ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งรองหัวหน้า งานมากมายจึงไม่ลดลงเลย กลับกันกลับมากขึ้นจนเขาอยากจะนอนหลับหายไปดื้อๆ
รองหัวหน้าหรือทาส ให้งานเหมือนให้อาหารเลยโว้ย
คิดแล้วก็เหนื่อยเหลือเกิน เขา อยาก พัก !
“หยุดทำไมอาบาไร เร็นจิ งานของเจ้ายังไม่เสร็จไม่ใช่รึ ?”
เขาหลุดออกจากภวังค์ เบนสายตาไปหาร่างโปร่งที่นั่งทำงานอยู่ไม่ห่างออกไปมากนัก
เขายิ้มแห้ง หัวเราะเบาๆก่อนจะขานรับ
“อ่า― ขอโทษครับหัวหน้า”
อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองเขา เบียคุยะเพียงแค่ขานรับในลำคอเสียงแผ่วเท่านั้น
เขาเบือนหน้ากลับมาสนใจงานตรงหน้าอีกครั้ง แต่ไม่วายดวงตาเจ้ากรรมก็คอยเอาแต่มองร่างโปร่งบางของหัวหน้าที่ตนเคารพ
คุจิกิ เบียคุยะ― หัวหน้าหน่วยที่หกแห่งสิบสามหน่วยพิทักษ์
ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเย็นชาและเรียบนิ่งดุจดั่งน้ำแข็ง ดวงเนตรสีนิลเรียบเฉยไม่ฉายความรู้สึกใดๆของอีกฝ่ายชวนให้ศัตรูมากมายต่างหวาดกลัวและก้มหัวโดยดุษฎี
แต่ในยามที่อีกฝ่ายต่อสู้ กลับช่างงดงามเสียยิ่งกว่าอะไร
คมดาบกลีบซากุระนับพันคือดาบฟันวิญญาณของอีกฝ่าย― ทั้งสวยงาม แข็งแกร่ง และแฝงไปด้วยความอันตรายมากมายที่สามารถปลิดชีพศัตรูได้ภายในเสี้ยววินาที
เป็นความย้อนแย้ง― ที่เข้ากันอย่างน่าอัศจรรย์
ดวงเนตรสีแดงเพลิงช้อนมองหัวหน้าหน่วยอีกครั้ง ร่างโปร่งบางที่ก้มหน้าก้มตาทำงานที่ตนได้รับอย่างตั้งอกตั้งใจชวนให้ดึงดูดสายตาอย่างห้ามไม่ได้
เรือนผมสีดำขลับที่ยาวประบ่าชวนให้อีกฝ่ายคลับคล้ายกับอิสตรี แต่ใครต่างก็รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเย็นชาและเงียบขรึมมากเพียงใด ภายใต้ดวงเนตรคมสวยที่ไม่เคยฉายความรู้สึก ไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
อาบาไร เร็นจิยอมรับเลยว่าคุจิกิ เบียคุยะ สวยกว่าหญิงสาวหลายคนในเซเรเทย์แห่งนี้เสียอีก
และท่าทางและลักษณะที่งดงามต่างจากหญิงสาวของหัวหน้าคุจิกิที่มักดึงดูดเขาทุกครั้ง― มันทำให้เขาไปไหนไม่ได้เลย
มันทำให้เขา― ละสายตาจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย
สักครั้งเดียว
“―ร็นจิ อาบาไร เร็นจิ !”
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีแดงสะดุ้งเมื่อเสียงทุ้มหวานของหัวหน้าหน่วยดังเรียกเขาไว้อีกครั้ง เขาหัวเราะแห้ง ส่งรอยยิ้มสำนึกผิดไปให้อีกฝ่ายที่วางปากกาแล้วมองมาที่เขาด้วยความไม่สบอารมณ์
―โดนโกรธแล้วรึเปล่านะ ?
“เอ่อ― ข้าขอโทษ”
“เหม่ออะไรของเจ้า ?”
“ข้า― ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อย” เขาเบนหน้าหนีอีกฝ่าย ไม่กล้าสบตาเพราะที่เขาเหม่อมันก็เป็นเพราะคนตรงหน้าเนี่ยแหละ “ไม่มีอะไรหรอกครับ”
หัวหน้าคุจิกิเพียงแค่เลิกคิ้ว ติเขาทางสายตาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปทำงานของตัวเองต่อ
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก พอเห็นอีกฝ่ายทำงานของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจว่าเขาควรทำงานให้เสร็จแล้วรีบไปพักเสียที ไม่ใช่มามัวฟุ้งซ่านอย่างตอนนี้
ให้ตายสิ― สติหลุดง่ายอีกแล้ว
“อาบาไร เร็นจิ”
เขาเงยหน้ามองหัวหน้าคุจิกิที่เรียกเขาไว้อีกครั้ง คราวนี้น้ำเสียงที่มักเย็นชาและเรียบนิ่งอยู่เสมอกลับแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ดวงเนตรสองคู่สบตากันท่ามกลางความเงียบ
นัยน์ตาสีนิลเรียวสวยเป็นประกายจางๆชวนให้สั่นระริกและร้อนระอุไปทั่ว
เขาเม้มริมฝีปาก วางปากกาในมือลงก่อนจะลุกขึ้นยืน สาวเท้าเข้าไปหาร่างโปร่งที่นั่งแสดงสีหน้าเรียบนิ่งอยู่อย่างทุกครั้ง
ระยะห่างอยู่ใกล้แค่เอื้อม ร่างโปร่งของหัวหน้าอยู่ตรงหน้าเขาในระยะที่เขาสามารถมองอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
ทั้งดวงตา ใบหน้า และริมฝีปากที่มักเอ่ยถ้อยคำเย็นชาและเด็ดขาดต่อศัตรูมามากมาย
เป็นท่าทาง― ที่รองหัวหน้าอย่างเขาไม่สมควรกระทำเลยแม้แต่น้อย
เบียคุยะช้อนตามองรองหัวหน้าที่ยืนอยู่ตรงหน้า โต๊ะทำงานที่ขวางกั้นมิได้เป็นอุปสรรคที่ทำให้ความรู้สึกในดวงตาสีแดงเพลิงของอีกฝ่ายเลือนลางเลยแม้แต่น้อย
มือเรียวคว้าปกชุดยมทูตสีสนิทมาไว้ในมือ ออกแรงเพียงเล็กน้อยคนตรงหน้าก็โอนอ่อนมาหาอย่างง่ายดาย
ริมฝีปากบางสีซากุระระบายรอยยิ้ม
ที่มีเพียงแค่ อาบาไร เร็นจิ ได้เห็นเท่านั้น
“เจ้า― คงรู้อยู่แล้วสินะ ?”
ว่าสิ่งที่แสดงออกไป― มันหมายความว่าอะไร
ลมหายใจติดขัด ร่างสูงมองดวงตาสีนิลที่สะท้อนภาพของเขาก่อนจะค่อยๆกดริมฝีปากลงไปทาบทับอีกฝ่าย
และใช่― เขาไม่สามารถหนีอีกฝ่ายไปได้เลย
____________________
ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง คือราชินีที่ไม่ว่าใครก็ต้องยอมศิโรราบให้แต่โดยดี
ไร้การขัดขืน เพียงแค่ได้สบตากับดวงเนตรสีนิลที่ทำให้เขาร้อนรุ่มได้ทุกครั้ง
เขาหอบหายใจ กดริมฝีปากลงบนกลีบปากบาง สอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กที่ตอบสนองเขาดั่งเช่นทุกครั้ง
นุ่มนวล อ่อนหวาน แต่แฝงไปด้วยความร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาเขาให้กลายเป็นทุลี
ราวกับขนมหวานชั้นสูงที่ยากจะถอนตัว
เขาถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งเมื่อฝ่ามือขาวภายใต้ถุงมือรั้งเสื้อเขาจากด้านหลัง ลมหายใจร้อนที่รดรินอยู่ปลายจมูกทำให้เขาค่อยๆเงยหน้าสบตาอีกฝ่าย
ดวงเนตรสีนิลที่เรียบเฉยดั่งเช่นทุกครั้ง― แปรเปลี่ยนเป็นความฉ่ำหวานน่าลิ้มลองและบดขยี้
นิ้วเรียวขาวที่จับดาบปลิดชีพมานักต่อนักไล้มือไปตามกรอบใบหน้ารองหัวหน้าหน่วย ออกแรงกดริมฝีปากของอีกฝ่ายให้ทาบทับเขาอีกครั้ง
ไม่ใช่เพียงแค่อาบาไร เร็นจิเพียงคนเดียวที่เสพติด― คุจิกิ เบียคุยะเองก็เช่นกัน
เขาชอบรสจูบของรองหัวหน้าหน่วยคนนี้มากที่สุด
ทั้งร้อนแรงและหวานฉ่ำ แฝงไปด้วยความอันตรายทุกครั้งที่ริมฝีปากแตะกัน หาใช่ตำแหน่งที่แตกต่าง แต่ยามที่พวกเขาสัมผัสกันและกัน เขากลับรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ภายใต้อานัติของอีกฝ่าย
ราวกับโดนฉีกทิ้งศักดิ์ศรีให้หลงมัวเมา
ร่างสูงลากไล้ลงมายังลำคอขาวผ่อง ผ้าพันคอสีอ่อนถูกปลดออกแทนที่ด้วยริมฝีปากร้อนจัด แต่งแต้มขบกัดจนขึ้นรอยสีแดงกุหลาบตัดกับผิวกายสีนวล
ร่างโปร่งร้องในลำคอ ออกแรงขัดขืนแผ่วเบาเมื่อฟันคมกัดลงบนลาดไหล่
“อย่าทำรอย..”
“ท่านพูดเหมือนท่านไม่อยากให้ข้าทำ”
เขาหัวเราะในลำคอที่น้อยครั้งจะได้ยิน ก้มมองร่างสูงที่ลากริมฝีปากต่ำลงไปยังแผ่นอกเปลือยเปล่า ผ้าคลุมสีขาวของหัวหน้าหน่วยรวมไปถึงชุดคลุมยมทูตสีรัตติกาลถูกปลดไปกองอยู่บนศอก เบียคุยะช้อนคางรองหัวหน้าหน่วยขึ้นมา สบกับนัยน์ตาสีเพลิงไหม้ที่จ้องมองมาที่เขาเช่นกัน
เร็นจิหยัดตัวขึ้นสูง ประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบางอีกครั้งตามคำเชิญชวน
เป็นท่าทางที่ไม่เหมาะสมที่สุด― ทั้งตำแหน่ง ฐานะ รวมไปถึงสถานที่
ห้องที่ทำการของหน่วยที่หก
เป็นสถานที่ที่ไม่สมควรมากที่สุด เสี่ยงต่อการถูกพบมากที่สุด เป็นสถานที่ที่อันตรายมากที่สุด
แต่เพราะแบบนั้น― พวกเขาทั้งสองจึงกระทำแบบนี้ ไม่ใช่เป็นการลบลู่หรือไม่กลัวที่จะถูกจับได้ แต่เพราะนัยน์ตาสีนิลเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความท้าทายเวลามองมาที่อาบาไร เร็นจิ ทำให้พวกเขาจึงตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
ร่างโปร่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ชุดยมทูตที่มักเรียบร้อยอยู่เสมอกลับถูกร่นออกจนเผยแผ่นอกเปลือยเปล่า ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจางเมื่อมือหนาหยาบกร้านไล้ลงมาจากหน้าอกลงไปยังท้องน้อย ดวงเนตรเหลือบมองคนที่อยู่ด้านล่าง หรี่ลงเมื่อนิ้วเรียวสะกิดเข้าที่หน้าอก
เสียงร้องดังในลำคอเมื่อมือหนาแหวกผ่านสาบเสื้อไปยังต้นขาด้านใน ร่างโปร่งเม้มริมฝีปากเมื่อฝ่ามือของรองหัวหน้าสัมผัสยังแก่นกายที่สั่นระริกอยู่ใต้ร่มผ้า
ร่างสูงยกยิ้ม ออกแรงบีบเบาๆก่อนจะค่อยๆชักเข้าออกอย่างเชื่องช้าก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น ร่างโปร่งชะงักก่อนจะกัดฟัน พยายามกั้นเสียงร้องของตนเองแม้ว่าการกระทำแบบนั้นจะเป็นไปได้ยากก็ตาม
ให้ตาย― ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อาบาไร เร็นจิก็ทำให้เขาร้อนรุ่มได้อยู่ตลอด
“อ― อาบาไร― อื้อ !”
“ไม่เห็นต้องกลั้นเลยนี่ครับหัวหน้า ร้องออกมาดังๆก็ได้”
“นี่เจ้า―”
“เอ่อ― ท่านพี่คะ อยู่รึเปล่าคะ ข้าเอาเอกสารมาให้ค่ะ”
นัยน์ตาสีรัตติกาลเบิกกว้างก่อนจะหรี่เล็กลงเมื่อเสียงของน้องสาวบุญธรรมดังขึ้นอยู่หน้าห้องทำงาน ร่างโปร่งปรายตาลงพร้อมกับดวงเนตรที่เป็นประกายเมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากของรองหัวหน้าหน่วยของตนเอง
เบียคุยะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย กวาดตามองเอกสารบนโต๊ะก่อนจะตอบน้องสาวที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“เข้ามาสิ”
คุจิกิ ลูเคีย ―น้องสาวบุญธรรมของหัวหน้าห่วยที่หก ผู้นำตระกูลคุจิกิคนปัจจุบันก้าวเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองรอบห้องเล็กน้อยก่อนจะโค้งตัวทำความเคารพพี่ชายของตน ถึงอีกฝ่ายจะมีศักดิ์เป็นพี่ชาย แต่ถึงอย่างไรเบียคุยะก็เป็นหัวหน้าหน่วย
“นี่เป็นเอกสารจากกน่วยที่สิบสามค่ะท่านพี่ หัวหน้าอุคิทาเกะให้ข้านำมาให้ท่าน”
“วางไว้ที่โต๊ะของอาบาไร เร็นจิ”
“ค่ะ”
เธอขานรับก่อนจะวางเอกสารไว้ตามที่ร่างโปร่งบอก ลูเคียขมวดคิ้วเมื่อไม่เห็นเจ้าของโต๊ะที่ว่า
“ท่านพี่คะ เร็นจิไปไหนเหรอคะ ?” อย่าบอกนะว่าอู้งานอีกแล้ว
ดวงตาหรี่เล็กลง เอ่ยตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“เขาไปทำธุร― อึก !”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเมื่อประโยคมีความติดขัด เธอหันไปหาเบียคุยะแต่ก็ไม่พบถึงความผิดปรกติ― เอ แต่..
ทำไมใบหน้าของท่านพี่ถึงขึ้นสีแดงจางๆกัน ?
เธอคงตาฝาดไปเอง
“เอ่อ― ท่านพี่―”
“ม― หมดธุระของเจ้าแล้วใช่― ไหม..” เสียงทุ้มหวานติดขัด หอบหายใจแผ่วเบาก่อนจะช้อนตามองร่างบางของน้องสาวตนด้วยความนิ่งเรียบ “ถ้าอย่างนั้นก็ไปซะ ข้― ข้ามีงานที่ต้องทำ”
แม้ว่าความสงสัยจะมีมากมายแค่ไหน แต่ถ้าท่านพี่กำชับเธอก็ไม่มีทางปฏิเสธ
ลูเคียพยักหน้าเงียบๆ ร้องขานในลำคอก่อนจะเอ่ยลาแล้วก้าวออกจากห้องไป ไม่วายหันไปมองพี่ชายของตนเองด้วยความเป็นห่วง
แต่ระดับท่านพี่คงไม่น่าจะต้องเป็นห่วงอะไรมากมาย
ทันทีที่น้องสาวบุญธรรมออกจากห้องไปจนลับสายตา ฝ่ามือเรียวใต้ถุงมือสีพิสุทธิ์ออกแรงขยุ้มกลุ่มผมสีแดงด้านใต้แรงขึ้นตามความรู้สึกที่ตนได้รับ
เร็นจิหยัดยิ้มบาง ละริมฝีปากออกจากแก่นกายที่สั่นระริก เงยหน้ามองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงจาง
“ไหวรึเปล่าครับหัวหน้า ถ้าไม่―”
นิ้วเรียวทาบทับบนริมฝีปาก แทนที่คำพูดเจือด้วยน้ำเสียงติดตลกของรองหัวหน้าหน่วย
นัยน์ตาสีรัตติกาลหรี่ลง ดวงเนตรเป็นประกายฉ่ำหวานและแวววับ ก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปาก
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกันรึ ?”
เสียงหวานเอ่ยหยอกเย้า หัวเราะขันในลำคอแผ่วเบาก่อนหยัดยิ้มบาง
เอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานราวกับมัจจุราชแห่งราคะ ล่อลวงให้ติดกับในวังวนที่ไร้ที่สิ้นสุด
ต่างจากยามปรกติที่ไม่ว่าใครก็ต่างเกรงกลัว น่าเกรงขามและแข็งแกร่งอย่างไร้ผู้ต้านทาน
ราวกับเหรียญที่มีสองด้าน
และมีเพียงแค่อาบาไร เร็นจิ ที่ได้เห็นครบทั้งสอง
“ทำให้ข้าร้องเรียกเจ้ามากกว่านี้สิ― เร็นจิ”
ช่วงนี้มาย้อนดู Bleach ค่ะ เลยเกิดเป็นฟิคนี้ขึ้นมานั่นเองงง เราเบนป๋าเบีย อยากเห็นป๋าเบียโดนยำค่ะ ! 5555
เราชอบเคะควีนๆ และอยากแต่งป๋าเคะควีนมานานแล้ว (เราว่าป๋าเบียสวยมากเลยนะ !)เลยออกมาเป็นฟิคนี้นั่นเองค่า
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณค่า สามารถไปตามฟิคอื่นๆได้ใน @SKYSKIIXX ที่ #SKYSFIC เลยนะคะ จุ้บบบ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น